สตีฟ บรูซ ยังน้อยนิด ! เผย 5 กุนซือดังได้รับค่าพรีชดเชยมหาศาล

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 21 ต.ค. 2564 16:29:57 น. เข้าชม 160 ครั้ง

การปลดผู้จัดการทีมกลายเป็นเรื่องปกติในวงการลูกหนังสมัยใหม่ไปแล้ว โดยมีหลายสโมสรที่มักจะเฉดหัวกุนซือก่อนหมดสัญญา เนื่องจากทนไม่ได้กับผลงานที่แสนย่ำแย่ โดยล่าสุดก็คือ สตีฟ บรูซ ที่อำลาตำแหน่งนายใหญ่นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อวันพุธที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา

สำหรับการยกเลิกสัญญาแน่นอนว่าผู้จัดการทีมจะได้รับเงินค่าชดเชยก้อนโตจากสโมสรที่ทำฉีกสัญญาของพวกเขา อย่างในกรณีของ บรูซ มีรายงานว่าเขาได้รับเงินค่าชดเชยจำนวน 8 ล้านปอนด์ (ราว 352 ล้านบาท) หลังโดนต้นสังกัดสั่งปลดฟ้าผ่า

 จะว่าไปแล้วเม็ดเงินก้อนนั้นคงไม่ได้ทำให้บัญชีของ พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ กลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย (พีไอเอฟ) สะเทือนอะไรเลย เพราะถือว่าน้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์ที่มีมากมายมหาศาลของพวกเขา

 กระนั้นก่อนหน้านี้ก็มีกุนซือฝีมือดีที่เคยต้องประสบชะตากรรมโดนฉีกสัญญามาแล้ว และได้รับค่าชดเชยเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต้องบอกเลยว่าค่าชดเชยที่ บรูซ ได้รับช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับโค้ชเหล่านี้ !!

1. อันโตนิโอ คอนเต้ - 26.6 ล้านปอนด์ (ราว 1,170 ล้านบาท)

  

 แม้ว่าตัวเลขที่แท้จริงที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้รับเป็นค่าชดเชยจำนวนเท่าไหร่ แต่สื่อหลายสำนักรายงานตกกันว่าในปีสุดท้ายที่เขานั่งกุมบังเหียน สโมสรต้องจ่ายเงินจำนวน 26.6 ล้านปอนด์ เพื่อที่จะปลดเขาและทีมงานออกจากตำแหน่ง

 คอนเต้ สามารถนำ "สิงห์บลูส์" คว้าแชมป์ลีกให้กับสโมสรซึ่งเป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทีม  แต่ต้องพบกับความผิดหวังในการจบอันดับ 5 ในฤดูกาลถัดมาซึ่งสุดท้ายแล้วเขาต้องโดดเฉดหัวหลังจบซีซั่น 2017/2018 

 แม้ว่าในซีซั่นดังกล่าวสโมสรจะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ก็ตาม แต่ คอนเต้ ก็ไม่รอดจากชะตากรรม โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาไม่สามารถร่วมงานกับสโมสรได้ก็มาจากความขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะกับ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม
 
2. โชเซ่ มูรินโญ่ - 9.5 ล้านปอนด์ (ราว 418 ล้านบาท) กับ 18 ล้านปอนด์ (ราว 792 ล้านบาท)

 

 มูรินโญ่ ต้องบอกว่าเป็นกุนซือที่ทำเงินจากค่าชดเชยได้เยอะจริงๆ เพราะเขาผ่านการโดนไล่ออกจาก เชลซี 2 สมัย และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้เขาได้รับรายได้เข้ากระเป๋าสบายอุราจาก 2 สโมสรนี้

 อย่างไรก็ตามในการกุมบังเหียน "สิงห์บลูส์" นั้น "เฮียมู" รับทรัพย์จากค่าชดเชยครั้งแรกในปี 2007 จำนวน 18 ล้านปอนด์ (ราว 792 ล้านบาท) หลังจากทำทีมฟอร์มย่ำแย่เหลือเกินในช่วงต้นซีซั่น 

 6 ปีหลังจากนั้น "เสี่ยหมี" ยังไม่เข็ดเมื่อหันมาใช้บริการ มูรินโญ่ อีกครั้ง โดยเขาทำผลงานได้ดีเมื่อนำทีมคว้าแชมป์ลีกซีซั่น 2014/2015 แต่จากนั้นในฤดูกาลถัดมาฟอร์ม เชลซี ร่วงกราวรูดหล่นไปอยู่อันดับ 16 ในช่วงเดือนธันวาคม สุดท้ายก็โดนไล่ออก และรับค่าชดเชยรอบ 2 จำนวน 9.5 ล้านปอนด์ (ราว 418 ล้านบาท)

3.โลร็องต์ บล็องก์ - 17 ล้านปอนด์  (ราว 748 ล้านบาท)

 

     โลร็องต์ บล็องก์ เป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังได้ทั้งแชมป์ฟุตบอลโลก และยูโร กับทีมชาติฝรั่งเศส รวมทั้งได้ค้าแข้งที่บ้านเกิด, อังกฤษ และ สเปน  เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือเขาก็ทำได้เยี่ยมกับ บอร์กโดซ์ โดยพาทีมได้รองแชมป์ ลีก เอิง และได้รางวัลโค้ชแห่งปีประจำฤดูกาล 2007/08 ก่อนได้แชมป์ลีกในปีต่อมา

 จากนั้น บล็องก์ ก็ไปคุมทีมชาติฝรั่งเศส แต่ทำได้ 2 ปี ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ดึงไปกุมบังเหียน และพาทีมคว้าทริปเบิลแชมป์ในประเทศ 2 จาก 3 ซีซั่น  แต่สุดท้ายก็โดนไล่ออกเพราะไม่สามารถไปถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนต้องโดนปลดในปี 2016

 สำหรับการโดนสั่งปลดกลางอากาศทำให้ "เปแอสเช" ต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินชดเชยจำนวน 17 ล้านปอนด์ ก่อนที่ยอดทีมแห่งเมืองน้ำหอมจะทำการแต่งตั้ง อูไน เอเมรี่ เข้ามาทำหน้าที่แทน 

 อย่างไรก็ตาม เอเมรี่ ก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ บล็องก์ เมื่อทำทีมล้มเหลวในศึกชิงโทรฟี่ "หูกาง" เมื่อร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนเกมลีกก็จบอันดับ 2 เป็นรอง โมนาโก ที่คว้าแชมป์ไปครอบครอง

4.ฟาบิโอ คาเปลโล่ - 13.4 ล้านปอนด์ (ราว 589.6 ล้านบาท)

 

 ตอนที่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียในปี 2012 เขากลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่ได้รับค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อเทียบกับโปรไฟล์ระดับเทพของเจ้าตัว

 อย่างไรก็ตาม  กุนซือชาวอิตาเลียน ทำหน้าที่ได้แค่ 3 ปีก็ต้องอำลาตำแหน่ง หลังจากร่วงตกรอบแบ่งกลุ่ม ศึกฟุตบอลโลก 2014 และที่ย่ำแย่ก็คือทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงต้นของรอบคัดเลือก ศึกยูโร 2016 

 จากการรายงานมีการระบุว่า คาเปลโล่  ซึ่งประสบความสำเร็จในการคุมทีมระดับสโมสรไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน, เรอัล มาดริด, โรม่า และ ยูเวนตุส ก่อนจะรับงานคุมทีมชาติอังกฤษ ได้รับค่าชดเชยสูงถึง 13.4 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว 

5. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ - 12.5 ล้านปอนด์ (ราว 550 ล้านบาท)

 

 หลังจาก 6 เดือนที่สามารถนำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้าชิงศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็โดน "ไก่เดือยทอง" อับเปหิออกจากตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2019

 ในเวลานั้น สเปอร์ส หล่นไปอยู่อันดับ 14 ในตารางพรีเมียร์ลีก หลังจากผ่านไปแค่ 12 เกม และชนะในลีก 3 แมตช์เท่านั้น ส่งผลให้บอร์ดบริหารตัดสินใจเฉดหัว "พอช" ออกไป พร้อมจ่ายค่าชดเชยเบาๆ 12.5 ล้านปอนด์

 จะว่าไปแล้ว กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ สามารถเปลี่ยน สเปอร์ส จากทีมระดับกลางตาราง กลายเป็นทีมที่มีโอกาสได้เข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ "บิ๊กเอียร์" อย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นค่าชดเชยจำนวนดังกล่าวก็เหมาะสมกับการช่วยทำให้ "ไก่เดือยทอง" กลายเป็นทีมระดับ "บิ๊กซิกซ์" ในลีก