บราซิลเต็งจ๋าแชมป์กลุ่ม, หมอผีลุ้นสุดตัวกับสวิส,เซอร์เบีย! ทำความรู้จักกลุ่ม จี ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล

ทัพ "แซมบ้า" เป็นเพียงแค่ชาติเดียวเท่านั้นที่ได้ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ทุกสมัย บราซิล ตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกให้ได้หลังจากที่พวกเขาทำสำเร็จมาแล้ว 5 สมัย โดยครั้งล่าสุดต้องย้อนไปเมื่อปี 2002 ในเกมเวิลด์ คัพ ฉบับเอเชีย (เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น) เมื่อ 4 ปีก่อนสาวก "เซเลเซา" ต่างน้ำตาตกเพราะพวกเขาร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ เบลเยียม แต่หลังจากนั้นก็สามารถแก้ตัวด้วยการคว้าแชมป์โกปา อเมริกา 2019 แต่กระนั้นก็พลาดท่าให้กับ อาร์เจนตินา ในอีกสองปีถัดมา สำหรับมหกรรมลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติ ที่กาตาร์ ลูกทีมของตีเต้ สามารถผ่านรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้มาได้แบบไม่ยากเย็น สำหรับ บราซิล ชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างแข้งรุ่นใหม่กับนักเตะเก๋าประสบการณ์อย่าง เนย์มาร์ ดานี่ อัลเวส,  และ ติอาโก้ ซิลวา ส่วนพวกอนาคตอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์, โรดริโก้ และ อันโตนี่ เป็นต้น 

สตาร์ประจำทีม - : เนย์มาร์

บราซิลถูกยกให้เป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ แน่นอนว่านักเตะที่แฟนบอลแซมบ้าฝากความหวังไว้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น "เนย์มาร์ เขามีสถานะเป็น "ซูเปอร์สตาร์" ของทัพแซมบ้ามาตั้งแต่เริ่มติดทีมชาติ แม้ปัจจุบันอายุจะล่วงเลยเข้าสู่วัย 30 ปีแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังคงสถานะเดิมอยู่ โดยเจ้าตัวลงรับใช้บราซิลมาแล้วมากกว่า 120 นัด  และเคยผ่านสังเวียนฟุตบอลโลกมาแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง คว้าอันดับ 4 ในปี 2014 ที่บราซิล จากนั้นจอดเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในปี 2018 ที่รัสเซีย  โดยสองครั้งดังกล่าว เนย์มาร์ ทำผลงาน ลงสนามไปทั้งสิ้น 10 นัด ยิงได้ 6 ประตู ส่วนฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์  เนย์มาร์ยอมรับว่านี่อาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา และเขาพร้อมทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อตำแหน่งนำบ้านเกิดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6

โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ : 85 เปอร์เซนต์

แคเมอรูน

ริโกแบร์ ซง ตำนานทีมชาติก้าวเข้ามารับหน้าที่โค้ชเพื่อกอบกู้ทัพ "หมอผี" หลังจากที่พวกเขาไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดย แคเมอรูน ทำได้เพียงแค่เข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม 2 ครั้งนับตั้งแต่ที่พวกเขาเคยสร้างประวัติศาสตร์ทะลุรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อปี 1990 สำหรับตอนนี้ แคเมอรูน อยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ โดยผลงานล่าสุดคว้าอันดับ 3 ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2021 ขณะที่บรรดานักเตะชุดปัจจุบันก็ถือว่าโดดเด่นอย่างเช่น คาร์ล โตโก เอก็อม, วินเซนต์ อาบูบาการ์ และ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง เป็นต้น แน่นอนว่าเป้าหมายของทีมคงเป็นการเบียดแย่งอันดับ 2 ของกลุ่มกับ สวิตเซอร์แลนด์ และ เซอร์เบีย 

สตาร์ประจำทีม - คาร์ล โตโก เอก็อมบี้

ปีกจรวดของ โอลิมปิก ลียง คือตัวความหวังของในแนวรุกของทีมชาติแคเมอรูนชุดนี้ ด้วยทักษาะการลากเลื้อย บวกกับมีความคล่องแคล่วว่องไว ถือเป็นหนึ่งในอาวุเด็ดที่สามารถปั่นป่วนแนวรับของทีมคู่แข่งได้เป็นอย่างดี และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอด 4 ปีหลังนี้ เชื่อว่า เอก็อมบี้จะทุ่มสุดตัวเพื่อให้แคเมอรูนไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างแน่นอน และฟุตบอลโลกครั้งนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขาด้วย เพราะตอนนี้เจ้าตัวอายุล่วงเลยเข้าสู่วัย 30 แล้ว

โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ : 40 เปอร์เซนต์

เซอร์เบีย  

ดราแกน สตอยโควิช เทรนเนอร์คนเก่ง ได้พิสูจน์ให้เห็นตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้วว่าการเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มเหนือนทีมชาติโปรตุเกสนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  ด้วยวิธีการเล่นที่มีความกล้าได้กล้าเสีย บวกกับผู้เล่นที่เชี่ยวชาญลูกกลางอากาศอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช และ ดูซาน วลาโฮวิช  การเล่นบอลแนวลึกและการเล่นลูกเซ็ตพีท หรือลูกตั้งเตะ ของเซอร์เบียยุคนี้จึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ และด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งของทีมชาติชุดนี้ ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่มีโอกาสเป็นม้ามืดของทัวร์นาเมนต์ได้เลย แม้ในกลุ่มนี้จะมี บราซิล เต็งจ๋าคว้าอันดับ 1 แต่ผลงานในรอบคัดเลือกโซนยุโรป เป็นเครื่องยืนยันว่า เซอร์เบีย ไม่ใช่ทีมธรรมดาๆ อย่างที่กูรูหลายๆ คนปรามาสแน่นอน 

สตาร์ประจำทีม -  อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

มิโตรวิช คือดาวซัลโวสูงสุดของขุนพล ดิ อีเกิลส์ ชุดนี้ โดย ดาวยิงร่างใหญ่กระทุ้งตาข่ายในนามทีมชาติไปแล้วทั้งหมด 50 ประตู และมีส่วนสำคัญในการพาเซอร์เบียเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยเฉพาะเกมที่นักเตะยิงประตูชัยนาทีสุดท้าย พาทีมคว้าชัยชนะเหนือโปรตุเกส พร้อมจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มได้อย่างน่าชื่นชม และเชื่อว่าการแข่งขันที่กาตาร์สิ้นปีนี้ ชื่อของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช มีลุ้นอยู่ในทำเนียบดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ด้วยอย่างแน่นอน

โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ : 40 เปอร์เซนต์

สวิตเซอร์แลนด์

สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน โดย 2 ครั้งล่าสุดทัพ "นาฬิกา" ผ่านเข้าไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2014 กับ 2018 ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคาดหวังว่าครั้งนี้จะสามารถก้าวไปได้ไกลกว่าเดิมอย่างน้อยก็รอบ 8 ทีมสุดท้ายเหมือนที่เคยทำได้เมื่อปี 1954 หรือจะไกลกว่านั้นก็ได้ถ้าหากศักยภาพสามารถไปได้ถึง ย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อนพวกเขาตกรอบน็อกเอาต์ด้วยน้ำมือของ สวีเดน แต่หลังจากนั้นก็สร้างผลงานสุดยอดด้วยการปราบ ฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูโร 2020 ก่อนจะมาจอดป้ายในรอบก่อนรองชนะเลิศเนื่องจากดวลจุดโทษแพ้ สเปน ขณะที่เกมเวิลด์ คัพ รอบคัดเลือกโซนยุโรป พวกเขาหักปากกาเซียน ด้วยการแย่งแชมป์กลุ่มมาจาก อิตาลี ทำให้คว้าตั๋วเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายที่ดินแดนตะวันออกกลางแบบอัตโนมัติ 

สตาร์ประจำทีม - กรานิต ชาก้า  

ชาก้า กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดๆ โดยเห็นได้จากผลงานในการเล่นให้ อาร์เซน่อล และช่วย "ปืนใหญ่" รั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในซีซั่นนี้ โดยเขาถือเป็นผู้เล่นของสำคัญของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ มาตั้งแต่ก่อนยูโร 2018 เจ้าตัวรับบทเป็นกัปตันทีมคอยคุมเกมแดนกลางให้กับขุนพลนาฬิกาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องการคุมจังหวะและการจ่ายบอลสั้นและบอลยาวที่ถือเป็นจุดเด่นของมิดฟิลด์วัย 30 ปี นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดลูกยิงไกลที่หวังผลได้เสมอ  ดังนั้นฟุตบอลโลกครั้งนี้ หากสวิตเซอร์แลนด์ไม่มี  กรานิต ชาก้า ในสนาม แดนกลางของพวกเขาจะยวบลงทันที

โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ : 35 เปอร์เซนต์

โปรแกรมการแข่งขันทุกเกมของกลุ่ม จี