หงส์กินบุญเก่าจากครึ่งแรก,นูนเญซ ติดเครื่องแล้ว-5ประเด็น ลิเวอร์พูล ปลิดชีพ เซาธ์แฮมป์ตัน

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 13 พ.ย. 2565 20:42:53 น. เข้าชม 140 ครั้ง

ทิ้งทวนใน แอนฟิลด์ ก่อนหลีกทางให้กับ ฟุตบอลโลก ได้อย่างไม่เป็นปัญหาสำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเปิดบ้านเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ตามความคาดหมายด้วยสกอร์ 3-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พ.ย.

แม้เกมนี้ หงส์แดง จะไม่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมที่ข้างสนามจากการติดโทษแบน แต่พลพรรค เร้ด แมชีน ก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังด้วยการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ เนธาน โจนส์ นายใหญ่ นักบุญ คนใหม่ได้สำเร็จในการทำงานนัดแรกของอดีตกุนซือทีม ลูตัน

1.หงส์เปลี่ยนโผรายเดียว

 

เทียบจากเกมลีกนัดล่าสุดที่บุกไปพิชิต สเปอร์ส 2-1 โดยไม่นับรวมเกม คาราบาวคัพ รอบสามที่เฝ้าบ้านดวลลูกโทษเอาชนะ ดาร์บี้ ทีมรองบ่อน ลิเวอร์พูล ปรับทัพแค่จุดเดียวเท่านั้น

เป็นเรื่องน่าวิตกของ หงส์แดง อีกจนได้ที่มีปัญหานักเตะล้มเจ็บอีกแล้ว แต่เป็นที่ยืนยันว่า อิบราฮิม่า โกนาเต้ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ ฝรั่งเศส เจ็บเล็กน้อยเท่านั้นอันทำให้ โจ โกเมซ ได้ประสานงานร่วมกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

อย่างไรก็ดี ในรายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมยังพลาดการลงเล่นต่อไปในเกมนี้ แต่เป็นเหตุผลส่วนตัวไม่ใช่เรื่องของสภาพร่างกาย

2.ไร้คล็อปป์ ไร้ปัญหา

 

จากเกมในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ลิบลับแม้พวกเขาจะไม่มี คล็อปป์ คุมทีมข้างสนามหนึ่งเกม และต้องนั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์

ถึงอย่างนั้น เป๊ป ไลน์จเดอร์ส มือขวาของผู้จัดการทีมชาว เยอรมัน ทำหน้าที่แทนได้อย่างไม่มีปัญหาเนื่องจาก นักบุญ อยู่ในช่วงมีผลงานแย่ และอยู่ในโซนอันตรายจนตัดสินใจปลด ราล์ฟ ฮาเซนฮัทเทิ่ล พร้อมทั้งดึง  โจนส์ มารับงานแทน

ต่อให้ หงส์แดง ซึ่งออกนำเร็วจะพลาดท่าเสียประตูตีเสมอคืนไปเร็วเช่นกัน แต่พวกเขามาได้ ดาร์วิน นูนเญซ ยิงสองเม็ดให้เจ้าบ้านนำห่าง 3-1 ก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงไป

รวมสถิติใน 45 นาทีแรก เร้ด แมชีน ครองบอลได้ 66:34% และได้ยิง 8 ครั้ง แถมเข้ากรอบมากถึง 7 ครั้ง ขณะที่ เดอะ เซนต์ส ได้ยิง 4 ครั้ง และเข้ากรอบ 1 ครั้งซึ่งเป็นลูกโขกตีเสมอ 1-1 ของ เช อดัมส์

3.นูนเญซ ดีวันดีคืน

 

แม้จะเริ่มต้นกับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างเชื่องข้า แต่มาวันนี้น่าจะบอกได้อย่างเต็มปากว่า ดาร์วิน นูนเญซ ดีวันดีคืนมากขึ้นเรื่อยๆแล้วกับการลงเล่นให้ หงส์แดง

จากที่เห็นในครึ่งแรก ดาวยิง อุรุกวัย เหมากดสองตุงพาทีมนำห่าง 3-1 ก่อนที่เกมครึ่งแรกจะจบลงซึ่งช่วยคลายความกังวล และเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าบ้านได้มากโข แถมมันเป็นการยิงได้ใน พรีเมียร์ลีก เม็ดที่สี่ของเขาในซีซั่นนี้กับการได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดที่ 7 ด้วยซึ่งน่าจะถือได้ว่าไม่เลวเลย

ฉะนั้นแล้ว หากศูนย์หน้าค่าตัวแพงที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า ยังคลำเป้าได้อย่างต่อเนื่อง สาวก เร้ด แมชีน ก็น่าจะลืม ซาดิโอ มาเน่ หัวหอกยอดขวัญใจคนเดิมได้ในไม่ช้า

และแน่นอนว่าในเมื่อ นูนเญซ ไว้ลายในเกมส่งท้ายกับต้นสังกัดได้แบบนี้ ทีมคู่แข่งในศึก เวิลด์คัพ ของทีมจอมโหดไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ,กาน่า หรือว่า โปรตุเกส ก็น่าจะหนาวๆร้อนๆอย่างไม่ต้องสงสัย

4.ครึ่งหลัง อลิสซง งานเข้า

 

แม้ ลิเวอร์พูล จะมีเกมในครึ่งแรกที่ไม่ยากลำบาก แต่เข้าครึ่งหลังปรากฏว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ยกระดับเกมได้ดี และมีโอกาสส่องยิงแบบเหน่งๆมากกว่าเจ้าถิ่นซะอีก

หมายความว่านอกจากทีมเยือนจะแก้ลำได้ดีขึ้น ลิเวอร์พูล เองก็เล่นได้ตกลงไปจาก 45 นาทีแรก ร้อนจนต้องพึ่งพาความเหนียวหนึบของ อลิสซง มือกาวทีมชาติ บราซิล ให้ช่วยปัดป้องลูกอันตรายแบบติดๆกันสามหนพาทีมรอดพ้นจากการเสียประตู

ตรงนี้เองที่ชี้ให้เห็นว่าทำไม เร้ด แมชีน จึงมีผลงานกระท่อนกระแท่นในซีซั่นนี้ถึงขนาดเคยแพ้ทั้ง ฟอเรสต์ และ ลีดส์ ทีมในโซนสีแดงสองนัดติดต่อกันมาแล้ว

อย่างไรก็ดี กับการมี อลิสซง เฝ้าตาข่าย ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จึงยังสามารถประคองตัวได้ในหลายๆนัดที่พวกเขาระส่ำระสายโดนฝ่ายตรงข้ามส่องยิงหลายต่อหลายหน

อย่างเกมล่าสุดกับ เดอะ เซนต์ส ตลอด 45 นาทีหลังเจ้าบ้านส่งบอลเข้ากรอบเพิ่มไม่ได้เลยสักครั้งเดียวจากสถิติ 7 ครั้งเหมือนในครึ่งแรกแม้จะได้ง้างไกเพิ่มอีก 7 ครั้งรวมเป็น 15 ครั้ง

5.แมนฯ ซิตี้ เหยื่อรายต่อไป?

 

หลังจัดการกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้อย่างลุล่วงตามความคาดหมาย แม้ว่าครึ่งหลังจะถูก นักบุญ กดดันอย่างหนัก เกมต่อไปหลังจบทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก ของ ลิเวอร์พูล จะเป็นการบุกไปฟาดแข้งกับ แมนฯ ซิตี้ คู่ปรับสำคัญในศึก คาราบาวคัพ รอบสี่วันพฤหัสบดีที่ 22 ธ.ค.

เทียบจากผลงานล่าสุดของทั้งสองฝ่ายในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หงส์แดง มีกำลังใจที่เหนือกว่า เรือใบสีฟ้า แน่เนื่องจากทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสียท่าให้กับ เบรนท์ฟอร์ด คารัง 2-1 ก่อนหลีกทางให้กับ ฟุตบอลโลก จนทำเอาแชมป์เก่าชวดนำเป็นจ่าฝูงแบบชั่วคราวอย่างที่วาดหวัง

และที่สำคัญ สถิติการดวลกันของ คล็อปป์ ก็เหนือกว่า กวาร์ดิโอล่า รวมถึงผลงานของสองสโมสรซึ่ง ลิเวอร์พูล มักทำได้ดี และไม่แพ้ แมนฯ ซิตี้ ง่ายๆด้วย

อย่างไรก็ดี หากจะมองหาความเร้าใจ อาจต้องทำใจเอาไว้ล่วงหน้าสักหน่อยสำหรับกองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายเนื่องจากดาวดังหลายรายจะไม่ถูกส่งลงเล่นอย่างแน่นอนในเมื่อ ฟุตบอลโลก เพิ่งจบลงโดยบรรดาพ่อค้าแข้งที่ผ่านสมรภูมิรายการนี้จำเป็นต้องได้พักต่ออีกเล็กน้อย

ถึงอย่างนั้น ทั้งสองทีมต่างก็มีนักเตะดาวรุ่งชั้นยอดอยู่ในสังกัดหลายราย ประกอบกับนักเตะตัวหลักของทีมบางรายที่ไม่ได้เล่น ฟุตบอลโลก จึงเชื่อได้เลยว่าการต่อกรกันของสองยักษ์ใหญ่คู่นี้ยังไงก็ยังเป็นเกมที่น่าดูชมเสมอ