แม็กไกวร์ ไม่ไหวจะเคลียร์,สิงโตไร้ชัยชวดได้คำราม! 5 ข้อ อังกฤษ เจ๊า เยอรมัน ยิงกันสนั่น

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 ก.ย. 2565 17:56:48 น. เข้าชม 164 ครั้ง

พลิกไปพลิกมาหลายตลบสำหรับเกม เนชั่นส์ลีก คู่ที่ อังกฤษ เสมอกับ เยอรมัน 3-3 ที่สนาม เวมบลีย์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

แรกทีเดียวเป็น อินทรีเหล็ก ที่นำหน้าไปก่อนแบบหายห่วงจากการก่อความผิดพลาดทั้งสองครั้งสองคราของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่สุดท้ายทีมเมืองเบียร์รักษาสกอร์ไม่ได้ แถมเป็นฝ่ายต้องไล่ตีเสมอ 3-3 แบบใจหายใจคว่ำอีกด้วยโดยมาได้ความผิดพลาดอีกหนของเจ้าถิ่นช่วยกู้หน้าเอาไว้จากจังหวะที่ นิค โป๊ป เซฟลูกยิงง่ายๆหลุดมือจนโดนซ้ำ


 

1.เซาธ์เกต โรเตชั่นสองตำแหน่ง

จากการประกาศรายชื่อ 11 นักเตะ อังกฤษ  ของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสองรายจากนัดก่อนที่บุกไปพ่าย อิตาลี 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทั้งสองตำแหน่งที่ว่าล้วนเป็นนักเตะในแผงหลังทั้งคู่โดย เซาธ์เกต เลือกดร็อป บูกาโย่ ซาก้า ซึ่งไม่คุ้นชินกับการต้องสวมบทวิงแบ็คฝั่งซ้ายในเกมบู๊กับทีม มะกะโรนี ออกไปให้ ลุค ชอว์ ขุนพลคนโปรดอีกรายของเขาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามแทนส่วนอีกจุด เซาธ์เกต เลือกส่ง จอห์น สโตนส์ ที่พ้นโทษแบนลงไปคุมเกมรับแทน ไคล วอล์คเกอร์ ปราการหลังเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ เช่นกัน


 

2.เด็กข้าใครอย่าแตะ

จากโผรายชื่อชุดออกสตาร์ต ไม่ผิดคาดเลยที่ เซาธ์เกต ยังวางใจเลือกใช้งาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังลูกรักลงบู๊เป็นตัวจริงตามเดิม และทำเอาสาวก ทรี ไลอ้อนส์ พากันโห่ใส่หลังจากโฆษกสนามประกาศรายชื่อ

นอกจากกองหลังค่าตัวแพงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งต้นสังกัดไม่ส่งลงเล่นเป็น 11 ตัวแรกแล้ว ชอว์ ก็ได้รับโอกาสในเกมนี้แม้แบ็คซ้ายค่าย ผีแดง จะหล่นเป็นตัวสำรองของสโมสรเช่นเดียวกับ แม็กไกวร์ ก็ตาม

อย่างไรก็ดี ชอว์ มีเกมที่น่าประทับใจโดยเฉพาะเขาสอยตาข่ายลูกตีไข่แตกได้ และช่วยให้ทีมกลับมามีลุ้น ผิดกับ แม็กไกวร์ ที่ห่วยยังไงก็ยังห่วยอย่างนั้นทั้งๆที่เกมในครึ่งแรกเล่นได้โอเคแล้ว แต่มาออกทะเลในครึ่งหลังจนได้จากการก่อความผิดพลาดจนทีมเสียสองประตูติดๆกัน

ลองเป็นอย่างนี้ก็ต้องวัดใจ เซาธ์เกต กันแล้วว่าจะใส่ชื่อเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมเฟอะฟะลงเล่นเป็นตัวจริงเหมือนเดิมในศึก ฟุตบอลโลก หรือเปล่าแม้จะการันตีได้เลยว่า แม็กไกวร์ จะมีชื่อติดโผ 26 ขุนพล ทรี ไลอ้อนส์ บินสู่ กาตาร์ ล้านเปอร์เซนต์


 

3.ครึ่งแรกที่เลวร้าย

ต่อให้โดนจวกหนักแค่ไหน เซาธ์เกต ก็มีความชัดเจนถึงแผนการเล่นของตัวเองภายใต้ระบบหลังสามซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเขาเน้นเกมรับเป็นหลัก ไม่ต่างอะไรกับปรัชญา แอนตี้ฟุตบอล ของ โชเซ่ มูรินโญ่ โดยหวังให้ทีมไม่เสียประตูก่อน และหาโอกาสตอบโต้จากการสวนกลับให้สามตัวรุกที่มีฝีเท้าจัดจ้านจู่โจมเร็วด้วยการเล่นกันแค่ไม่กี่จังหวะ

จากรูปแบบการเล่นที่ว่า จึงไม่แปลกที่เกมใน 45 นาทีแรก สิงโตคำราม จะครองบอลได้แค่ 35% ทั้งๆที่ได้เล่นในรังของตัวเองแท้ๆ แต่ยังดีที่ทำเสียวได้มากกว่าอาคันตุกะจากเกมเคาน์เตอร์แอ็ทแท็คซึ่งพวกเขาได้ส่องยิง 4 ครั้ง และเข้ากรอบสองครั้ง

อย่างไรก็ดี จากสกอร์ 0-0 หมายความว่า อังกฤษ ซึ่งเน้น เซฟตี้เฟิร์สต์ อย่างชัดเจนยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยในเกมครึ่งแรกของการลงบู๊ศึก เนชั่นส์ลีก ตลอดทั้งหกนัดซึ่งไม่มีชาติไหนที่เกือกทื่อหนักไปกว่าทีมเมืองผู้ดีอีกแล้วสำหรับการลงเล่นรายการดังกล่าวในซีซั่นนี้

ขณะเดียวกัน ในเมื่อ เยอรมัน เป็นฝ่ายพาบอลบุกเข้ามาเล่นในแดนของ อังกฤษ ได้มากกว่า บรรดากองหลังทีมเจ้าบ้านจึงมีผลงานติดชาร์ตมากกว่าพวกตัวรุกจากที่มีการตีแผ่ตัวเลขออกมาดังนี้

สถิติครึ่งแรก

ยิง : สเตอร์ลิ่ง 2, แม็กไกวร์ 1, เคน 1

เข้ากรอบ : สเตอร์ลิ่ง 2

สัมผัสบอลมากที่สุด : ชอว์ 34, เจมส์ 33, แม็กไกวร์ 30

สร้างโอกาส :ชอว์ 1,เคน 1,โฟเด้น 1

เลี้ยงบอล : สเตอร์ลิ่ง 6, ชอว์ 1, ไรซ์ 1, เจมส์ 1

ชนะการดวล : ไรซ์ 5, เจมส์ 5, เบลลิ่งแฮม 4, สเตอร์ลิ่ง 4

เข้าปะทะ : ไรซ์ 2, แม็กไกวร์ 2,เบลลิ่งแฮม 2,ดายเออร์ 1, ชอว์ 1, เจมส์ 1, โฟเด้น 1

เคลียร์บอล : แม็กไกวร์ 4, ดายเออร์ 4, สโตนส์ 1, ชอว์ 1, เบลลิ่งแฮม 1,เจมส์ 1, เคน 1


 

4. เบลลิ่งแฮม เล็กดีรสโต

ในวัยเพียง 19 ปี จู๊ด เบลลิ่งแฮม เปล่งประกายรัศมีกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติ อังกฤษ อย่างชัดเจนแล้ว

อย่างนัดก่อนที่แพ้ อิตาลี เขาเป็นหนึ่งในขุนพลทีม สิงโตคำราม เพียงไม่กี่รายที่ได้รับคำชมว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ

กระทั่งเกมล่าสุดที่เสมอกับ เยอรมัน 3-3 สตาร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็สร้างสถิติที่ถูกเผยให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งนักเตะที่โดดเด่นที่สุดในสนามมากแค่ไหนจากการมีผลงานเข้าวินเป็นอันดับหนึ่งในหลายๆด้านหลังจบเกม 90 นาที

ผ่านบอลแม่นยำ -41 (อันดับหนึ่ง)

ผ่านบอลในพื้นที่สุดท้าย -17 (อันดับหนึ่ง)

ยิงประตู -3 (อันดับหนึ่ง)

ชนะการดวล -8 (อันดับหนึ่ง)

ชนะการแย่งบอล -10 (อันดับสอง)


 

5.อินทรีเหล็ก ขาลง

ไม่เพียงแต่ อังกฤษ เท่านั้นที่มีผลงานตกต่ำลงไป  เยอรมัน เองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันโดยเฉพาะหากจะมองถึงเกมรับที่เสียประตูยันเตเนื่องจากเป็นเกมที่เจ็ดติดต่อกันแล้วที่ อินทรีเหล็ก ไม่มี คลีนชีต เลยแม้แต่เกมเดียว

ยิ่งนัดล่าสุดกับ อังกฤษ การเสียประตูถึงสามลูกทั้งๆที่นำหน้าก่อน 2-0 กลายเป็นเกมที่ เยอรมัน โดนกระทุ้งประตูมากที่สุดในเจ็ดนัดหลังซึ่งห้านัดที่ผ่านมาพวกเขาเสียประตูนัดละลูกเท่านั้น ยกเว้นเกมเฝ้าบ้านถล่ม อิตาลี 5-2 ที่ทีมเมืองเบียร์โดนซัดไปสองตุง

ขณะเดียวกัน แชมป์โลก สี่สมัยยังกำชัยได้แค่เกมเดียวอีกด้วยตลอดการลงสนามเจ็ดนัด แม้ว่าพวกเขาจะแพ้แค่เกมเดียวก็ตามในนัดก่อนหน้านี้ที่โดน ฮังการี บุกมาสยบ 1-0

จึงสรุปได้ว่าทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ไม่ได้ดีไปกว่า อังกฤษ สักเท่าไหร่ที่ต้องทำศึก ฟุตบอลโลก ด้วยฟอร์มที่กระท่อนกระแท่น และมีแววไปไม่ถึงดวงดาวค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งคู่