หงส์พ้นช่วงโคม่า,ซาลาห์ ปลดล็อคแล้ว! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล คว่ำ อาแจ็กซ์ สุดวาบหวิว

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 14 ก.ย. 2565 18:30:57 น. เข้าชม 148 ครั้ง

เป็นแฟนหงส์ต้องอดทน...

ว่าแล้ว ลิเวอร์พูล ก็ทำให้สาวกใจหายใจคว่ำอีกจนได้เมื่อเปิดบ้านเอาชนะ อาแจ็กซ์ ไปแบบเฉียดฉิว 2- 1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสองเมื่อวันอังคารที่ 13 ก.ย.

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างผลงานในสนามได้เหนือกว่าทีมของ อัลเฟร็ด ชรอยเดอร์ อย่างขาดลอย แต่ลงเอยแล้วต้องอาศัย โฌแอล มาติป เป็นฮีโร่โขกประตูชัยในนาทีที่ 89 พาทีมเก็บสามแต้มแรกในถ้วยหูใหญ่ไปแบบเต็มกลืน

1.คล็อปป์ ยังเชื่อใจ ซาลาห์

 

จากเกมแรกที่ออกไปแพ้ นาโปลี ยับเยิน 4-1  คล็อปป์ โรเตชั่นทีมตามคาดเนื่องจากเขายืนยันว่าเกมที่สนาม ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เป็นเกมที่เลวร้ายที่สุดของเขานับตั้งแต่ย้ายมารับงานกับรั้ว แอนฟิลด์รวมแล้ว นายใหญ่ด๊อยช์ปรับทัพ 11 ตัวจริงสี่รายต้อนรับการมาเยือนของ อาแจ็กซ์ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขายังวางใจ โม ซาลาห์ ว่าจะเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้แม้จะมีเสียงสะกิดให้ดร็อปดาวเตะทีมชาติ อียิปต์ ไปนั่งข้างสนามบ้างหลังฟอร์มตกอย่างหนักในซีซั่นนี้

ด้วยเหตุปราศจาก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่เดี้ยงเพิ่มไปอีกราย คอสตาส ซิมิคาส จึงได้กลับมาลงบู๊เช่นเดียวกับ โฌแอล มาติป ที่เบียด โจ โกเมซ จุดบอดของทีมไปนั่งในซุ้ม ส่วนอีกตำแหน่งได้แก่ ดีโอโก้ โชต้า ที่ได้ออกสตาร์ตก่อนหน้า โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ขณะที่ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าค่าตัวแพงยังนั่งเป็นตัวสำรองเช่นเดิมและสุดท้าย ติอาโก้ อัลกันตาร่า ได้กลับมาบงการเกมแทนที่ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งรวมแล้วน่าจะเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดที่ คล็อปป์ สามารถเลือกใช้สอยได้ในนาทีนี้

2.สัญญาณดี บังโม คลำเป้าแล้ว

 

หลังจากเท้าบอดไปนานหลายเกม ในที่สุด ซาลาห์ ก็กลับมาระเบิดตาข่ายได้พาทีมออกนำก่อนอย่างน่าอุ่นใจในนาทีที่ 17 แต่ไม่วายที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูตีเสมอถัดมาอีกสิบนาทีสวนทางกับรูปเกมอีกนัดจนได้

ยังดีที่ มาติป กลายมาเป็นวีรบุรุษซัดประตูชัยให้เจ้าบ้านคว้าชัยชนะได้สำเร็จก่อนจบเกมอึดใจเดียว หาไม่แล้วสถานการณ์ของ เร้ด แมชีน จะต้องย่ำแย่ต่อไปหากพวกเขาทำได้แค่แบ่งแต้มให้กับอาคันตุกะ

ต่อประตูของ ซาลาห์ เป็นอันว่าเขายิงประตูแรกในรายการนี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.ได้แล้วหลังสอยตาข่าย อินเตอร์ มิลาน ได้เป็นเม็ดสุดท้าย แถมเป็นการหยุดผลงานเกือกทื่อในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รวมเจ็ดเกมของตัวเองได้สำเร็จเช่นกัน

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คืออย่างน้อยหนึ่งประตูจากเกมนี้น่าจะเป็นกำลังใจช่วยให้เขาเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ในการลงบู๊ครั้งหน้าซึ่งเป็นอันแน่นอนว่ากว่าที่ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จะลงบู๊อีกทีก็ต้องรอจนถึงวันที่ 1 ต.ค.ในเกมต้อนรับ ไบรท์ตัน ซึ่งนักเตะของรั้ว แอนฟิลด์ จะได้พักกันนานถึง 17 วันเลยทีเดียวหลังมีการยืนยันเลื่อนเกมบุกไปเยือน เชลซี สุดสัปดาห์นี้อย่างแน่นอนแล้วหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 ประกอบกับมีเกมทีมชาติเข้ามาแทรกกลางด้วยพอดี

3.มาติป ฮีโร่ตัวจริง

 

แล้วในที่สุด มาติป ก็เป็นวีรบุรุษในยามยากของ ลิเวอร์พูล อีกตามเคย

ในทางกลับกัน หากเกมนี้ โจ โกเมซ ยังได้ลงสนามก็ไม่แน่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร หงส์แดง จะใจดีแจกของขวัญให้กับฝ่ายตรงข้ามต่อหรือเปล่า และปราการหลังบ่อน้ำมันจะสอยตาข่ายให้ทีมได้บ้างมั้ย?

อย่างไรเสีย สำหรับดาวเตะ แคเมอรูน บอกได้เลยว่าแต่ละประตูที่เขาทำให้สโมสรล้วนมีความสำคัญทั้งนั้น และในเกมกับ อาแจ็กซ์ มันเป็นประตูที่ 10 ของเขาในทุกรายการที่ยิงให้กับ เร้ด แมชีน

เท่านั้นไม่พอ จาก 10 ประตูที่ มาติป ทำได้ ลิเวอร์พูล ไม่เคยพ่ายให้กับฝ่ายตรงข้ามเลยสักนัด แถมชนะมากถึง 9 นัดด้วยกันโดยมีเสมอแค่เกมเดียวเท่านั้น

 4.สิ่งที่ หงส์แดง ยังต้องปรับปรุง

 

เห็นได้ชัดว่าอันที่จริง ลิเวอร์พูล ยังเล่นกันได้ดีเหมือนเคยโดยไม่มีอะไรตกหล่น ยกเว้นนัดก่อนที่บุกไปแพ้ นาโปลี ซึ่งเป็นเกมที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาในรอบหลายปี

ไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซนต์การครองบอล หรือโอกาสสอยตาข่ายซึ่ง เร้ด แมชีน ทำได้เหนือกว่าคู่ต่อกรทุกนัด อย่างเกมล่าสุดกับ อาแจ็กซ์ ทีมเจ้าบ้านได้ส่องยิงในครึ่งแรกมากถึง 10 ครั้ง และเข้ากรอบ 5 ครั้ง แต่ทำได้แค่ประตูเดียว ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสแค่สองครั้ง และเปลี่ยนแปลงได้เป็นหนึ่งประตู

จากสถิติดังกล่าว มันฟ้องให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล มีปัญหาในเรื่องของการขาดความเด็ดขาดเหมือนเคยแม้ในหลายๆเกม นายทวารฝ่ายตรงข้ามจะเล่นได้อย่างเหนียวหนึบประดุจโดนผีเข้าก็ตาม อย่างเกมนี้ เรมโก้ พาสเฟียร์ นายประตูทีมเยือนสร้างผลงานเซฟได้ 8 หนซึ่งเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมที่บุกมาเยือน แอนฟิลด์ ในรายการนี้นับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 เป็นต้นมาโดยเป็นรองแค่ ยาน โอบลัค ของทีม แอตเลติโก มาดริด ที่เคยเซฟได้ 9 ครั้งเมื่อเดือนมี.ค.2020 แต่รวมช่วงต่อเวลาพิเศษเข้าไปด้วย

จากนั้นหลังจบเกม 90 นาที ลิเวอร์พูล ได้ง้างยิงรวมกันทั้งสิ้น 23 ครั้ง แต่ได้มาแค่ 2 ประตูจากโอกาสเข้ากรอบทั้งหมด 9 ครั้ง ต่างกับ อาแจ็กซ์ ลิบลับ ที่รวมแล้วได้ง้างไกแค่ 3 หน แถมเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาในรายการนี้ด้วยนับตั้งแต่มีระบบจดบันทึกในซีซั่น 2003/04 เป็นต้นมา แต่พ่ายไปแบบหวุดหวิด 2-1 ซึ่งจุดนี้เองที่ คล็อปป์ จำเป็นต้องแก้ไขให้ได้เพื่อทำให้ เครื่องจักรสีแดง ผลิตประตูในแต่ละเกมได้อย่างน่าอุ่นใจเหมือนที่ผ่านมา

5.ยักษ์ดัตช์เสียสถิติชนะรวด

 

ก่อนยกพลมาเยือน แอนฟิลด์ อาแจ็กซ์ ภายใต้การกุมบังเหียนของ ชรอยเดอร์ ซึ่งเข้ามารับภาระแทน เอริค เทน ฮาก สร้างทีมได้อย่างน่าทึ่งแม้จะมีการปรับโฉมนักเตะที่ย้ายเข้า และย้ายออกในช่วงซัมเมอร์ไม่น้อยเลย

แต่ถึงอย่างนั้น แชมป์ลีกเมืองกังหันลมไม่ได้มีผลงานที่ตกลงไปทั้งๆที่เสียกุนซือคนเก่งไปให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซ้ำร้ายพวกเขามีฟอร์มที่น่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำในซีซั่นนี้

จากการลงบู๊เจ็ดนัดในทุกรายการ ทีมจาก อัมสเตอร์ดัม กำชัยได้เรียบวุธ พร้อมทั้งยิงประตูได้มากถึง 25 ลูก และเสียไปแค่ 3 ลูกเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สี่จากเจ็ดเกมที่ลงสนาม อาแจ็กซ์ พังประตูคู่ต่อกรได้สี่ประตูหรือมากกว่าอีกต่างหาก ก่อนจะมาเสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกในซีซั่นให้กับ ลิเวอร์พูล แต่ก็เป็นไปแบบเฉียดฉิว แม้จะเทียบสถิติด้านต่างๆในเกมกับทีมเจ้าบ้านไม่ได้เลยก็ตาม