ฮือฮาแมนยูจบซีซั่นเหนือลิเวอร์พูล!สื่อชี้ฮาแลนด์กินขาดนูนเญซ

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 29 มิ.ย. 2565 20:12:57 น. เข้าชม 365 ครั้ง

เดลี่ สตาร์ สื่ออังกฤษสร้างความฮือฮาด้วยการนำเกมคอมพิวเตอร์มาจำลองเหตุการณ์ศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้าตั้งแต่ต้นจนจบหวังวัดผลงานของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับ ดาร์วิน นูนเญซ สองกองหน้าทีม แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล พร้อมได้บทสรุปที่ทำให้แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด อดอมยิ้มไม่ได้

    เดลี่ สตาร์ ตัดสินใจนำเอาเกม Football Manager 2022 มาเป็นบรรทัดฐานจำลองการฟาดแข้งในซีซั่นหน้าแบบละเอียดยิบตลอดทั้งซีซั่นเพื่อเช็คดูว่าระหว่าง ฮาแลนด์ กับ นูนเญซ ที่ย้ายมาสร้างสีสันใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า ใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน

    ต่อการจำลองเหตุการณ์ด้วยวิธีดังกล่าวได้ผลออกมาว่าดาวยิงทีมชาตินอรเวย์สามารถข่มกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยได้มิดเนื่องจากเขาทำประตูให้ เรือใบสีฟ้า ได้มากกว่าที่อดีตสตาร์ทีม เบนฟิก้า ตอบแทน หงส์แดง ในซีซั่นแรกโดยพ่อค้าแข้งละตินสอยตาข่ายได้น้อยกว่า โม ซาลาห์ ดาวยิงคนสำคัญของ เร้ด แมชีน ด้วยแม้จะถูกดึงมาด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสูงสุดของสโมสร

    และที่สำคัญ ฮาแลนด์ จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครองทันทีในซีซั่นแรกของเขากับลีกเมืองผู้ดีจากผลงาน 23 ประตูซึ่งดาวยิงร่างยักษ์วัย 21 ปีจะได้ลงเล่นในลีกอังกฤษรวมทั้งสิ้่้น 33 นัด และเมื่อรวมทุกรายการเขาจะตะบันได้ 28 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จาก 47 นัด

    ด้าน นูนเญซ จะสอยตาข่ายได้ 16 ประตู และ 7 แอสซิสต์จาก 48 นัด แบ่งเป็นเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก หัวหอกวัย 23 ปีจะคลำเป้าได้ 10 ประตูกับ 5 แอสซิสต์จากการได้ลงสนาม 32 นัด

    เท่านั้นไม่พอ การจำลองเหตุการณ์ด้วยเกมคอมพิวเตอร์ได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างน่าเซอร์ไพรส์อีกว่าทีม ผีแดง ของ เอริค เทน ฮาก จะเข้าป้ายในอันดับรองแชมป์โดยมีแต้มเหนือ ลิเวอร์พูล ที่หล่นไปรั้งอันดับสามสองแต้ม (90-88)  ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จะป้องกันแชมป์ได้อีกตามเคยจากการเก็บได้ 95 แต้ม เป็นการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งที่ห้าของสโมสรในหกปีหลัง อย่างไรก็ดี ในซีซั่นหน้า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะพาทีมได้แชมป์สองรายการอีกหนทั้งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งกุนซือชาวเยอรมันจะได้ชิงชนะเลิศกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเกมจะจบลงด้วยสกอร์ 1-1 โดย โรดรี้ กระทุ้งให้ แมนฯ ซิตี้ ออกนำในนาทีที่ 36 ก่อนโดน นูนเญซ ซัดตีเสมอจากลูกโทษก่อนจบครึ่งแรกไม่นานจนทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษก่อนดวลลูกโทษชี้ขาด

    สำหรับช่วงการยิงลูกโทษตัดสิน ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายกำชัย 4-3 โดย ซาลาห์ , นูนเญซ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำหน้าที่ไม่พลาด ผิดกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ ฟิล โฟเด้น กับ โคล พาลเมอร์ ยิงพลาด ก่อนที่ ฟาบินโญ่ จะซัดไปโดน เอแดร์ซอน เซฟได้ แต่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน กดตุงตาข่ายกลายเป็นฮีโร่พา หงส์แดง ครองถ้วยหูใหญ่เป็นสมัยที่เจ็ด

    นอกจากนี้ เร้ด แมชีน ยังได้แชมป์ เอฟเอคัพ เหมือนซีซั่นก่อนเช่นกันโดยพวกเขาเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ในรอบตัดเชือก 1-0 จากการสังหารลูกโทษของ ซาล่าห์ ก่อนจบครึ่งแรกไม่นาน และมี  นูนเญซ กดประตูโทนของเกมพาทีมเฉือนเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ 1-0 ในแม็ตช์ชิงดำ

    สำหรับถ้วย คาราบาวคัพ ที่ ลิเวอร์พูล เป็นเจ้าของเมื่อซีซั่นก่อน พวกเขาไปได้ไกลกว่า แมนฯ ซิตี้ หนึ่งรอบก่อนตกรอบสี่จากการถูก ฮาร์วีย์ บาร์นส์ สอยตาข่ายในนาทีที่ 71 พา เดอะ ฟ็อกซ์ ได้เฮด้วยสกอร์ 1-0