เตรียมพร้อมรับฤดูกาลใหม่! 5 สิ่งที่แฟนหงส์คาดหวังจากลิเวอร์พูลช่วงปรีซีซั่น

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 29 มิ.ย. 2565 20:11:28 น. เข้าชม 233 ครั้ง

หลังจากได้พักฟื้นร่างกายเต็มที่แล้ว ตอนนี้บรรดานักเตะลิเวอร์พูลทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า กำลังเตรียมความพร้อมที่จะกลับมารายงานตัวในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ เพื่อฝึกซ้อมสำหรับช่วงปรีซีซั่น และต้อนรับฤดูกาล 2022/2023

     "หงส์แดง" มีเวลา 33 วันในช่วงระหว่างปรีซีซั่นที่จะเริ่มต้นออกตัวในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ และพวกเขามีคิวที่จะลงสนามเกมแรกในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พบ ฟูแล่ม ในวันที่ 6 สิงหาคม 

     ในช่วงระหว่างการเดินทางอุ่นเครื่องปรีซีซั่น ลิเวอร์พูล จะต้องไปเยือนประเทศไทย, สิงคโปร์, ออสเตรีย, เยอรมนี และจากนั้นจะกลับมา อังกฤษ เพื่อลงเล่นเกมอุ่นเกือกอีก 2 เกม ก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่อย่างเป็นทางการ 

     สำหรับเกมอุ่นเครื่อง 6 แมตช์ แน่นอนว่า 3 แข้งใหม่แกะกล่องของ ลิเวอร์พูล น่าจะมีโอกาสได้ลงสนามเปิดตัวกับสโมสร นอกเหนือจากนี้สาวก "เดอะ ค็อป" คงตั้งตาคอยที่จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในช่วงปรีซีซั่นนี้

 

1. ได้เห็นของเด็ดจาก 3 แข้งใหม่

 

  ลิเวอร์พูล ถือว่าทำภารกิจเรื่องการเสริมทัพได้อย่างรวดเร็วโดนใจแฟนบอลเหลือเกิน เมื่อพวกเขาสามารถคว้าผู้เล่นที่ต้องการมาร่วมทีมได้ตั้งแต่ช่วงต้นตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, ดาร์วิน นูนเญซ และ คาลวิน แรมซี่ย์ ทั้งหมดนี้เป็นผู้เล่นที่ "หงส์แดง" ล็อกเป้าเอาไว้นานแล้ว และสามารถจับมาเซ็นสัญญาร่วมทัพได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ 

     พวกเขาแต่ละคนมาถึงด้วยความคาดหวังที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือนักเตะเหล่านี้อายุยังน้อย และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกกเขาจะประสบความสำเร็จในระดับเป็นคีย์แมนหนักของทีมในช่วงแรกๆ 

      สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือแฟนบอลจะได้เห็นว่า คาร์วัลโญ่ จะได้เริ่มต้นเล่นในตำแหน่งไหนแต่แน่นอนว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งใน 3 แนวรุกของทีม และต้องมาลุ้นมาจะสามารถเล่นเข้ากับแข้งคนอื่นๆ ในแดนหน้าได้ไหม รวมทั้งจะสามารถเล่นได้เข้าขากับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต์ หรือเปล่า ? 

      ขณะที่ แรมซี่ย์ ย้ายมาในฐานะยางอะไหล่ของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดยดาวรุ่งรายนี้มีความโดดเด่นเรื่องการเล่นเกมรุก และด้วยวัยของเขายังสามารถพัฒนาศักยภาพได้อีกเยอะ 

     สำหรับหัวหอกค่าตัวแพงสุดของทีมอย่าง นูนเญซ ต้องบอกว่าเป็นกองหน้าที่ ลิเวอร์พูล ขาดหายไปนาน เพราะมีสไตล์ที่เหมาะกับการยืนเป็นหน้าเป้า แต่ก็มีความสามารถในการเล่นแนวรุกริมเส้นก็ได้ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับ "หงส์แดง" 

 

2. การเปลี่ยนแปลงระบบการเล่น

 

     มีการพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่น หลังจากที่ คล็อปป์ ตัดสินใจเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพ เพราะในช่วงหลายซีซั่นที่ผ่านมา หลายๆ ทีมมักจะจับทางสไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล ได้แล้ว

     สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา การเล่นแผน 4-3-3 มักจะต้องเจอกับทางตันเมื่อโดนทีมที่เน้นตั้งรับแน่น ทำให้พวกเขาหาทางเจาะเข้าไปทำประตูได้ยากมากขึ้น ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ กุนซือชาวเยอรมัน จะหันมาใช้ระบบ 4-2-3-1 เพื่อแก้เผ็ดพวกทีมที่เล่นแผนมหาอุตม์

     แฟนบอล "หงส์แดง" เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ว่า คล็อปป์ วางแท็กติกที่ขาดความยืดหยุ่น แต่การที่พวกเขาได้ นูนเญซ มาเสริมแกร่งนั่นจะทำให้ระบบสามประสานแดนหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทำให้คู่แข่งคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น 

     ระบบ 4-2-3-1 อาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า คาร์วัลโญ่ เหมาะจะลงทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ เช่นเดียวกัน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก็สามารถสวมบทบาทผู้เล่นหมายเลข 10 ได้ 

     ปรีซีซั่นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการทดลอง และด้วยจำนวนนักเตะที่จะได้เดินทางไปอุ่นเครื่องปรีซีซั่น นั่นทำให้ คล็อปป์ มีทางเลือกมากมายที่จะได้ลองแผนใหม่ๆ ของเขา 
 


3. ดาวรุ่งมีโอกาสเฉิดฉาย 

 

   ลิเวอร์พูล ให้ความสำคัญกับการปั้นเด็กดาวรุ่งเสมอ โดยในทุกๆ ซัมเมอร์จะเห็นแข้งในศูนย์เยาวชนขึ้นมาอยู่ในขุมกำลังชุดใหญ่อย่างน้อย 1 ราย เพื่อให้นักเตะเหล่านั้นได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์

     เมื่อปีที่ผ่านมาผู้เล่นอย่าง ไทเลอร์ มอร์ตัน, โอเว่น เบ็ค, คอนอร์ แบรดลี่ย์ และ เคด กอร์ดอน มีโอกาสได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ และพวกเขาได้ลงเล่นเปิดตัวในช่วงระหว่างซีซั่นที่ผ่านมาไปเรียบร้อยแล้ว

     นักเตะดาวรุ่งทุกคนได้รับโอกาสเสมอหากพวกเขามีดีมากพอ โดยในช่วงปรีซีซั่นจะเป็นโอกาสสำคัญของทีมที่จะได้เห็นบรรดาแข้งวัยกระเต๊าะหลายๆ คนที่จะได้ลงสนามให้กับทีม 

      แข้งรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีอย่าง โอ๊คลี่ย์ คันโนเนียร์, ไอแซค มาบาย่า, มาเตอุสซ์ มูเซียลอฟสกี้, สเตฟาน เบจเซติช หรือดาวรุ่งที่เพิ่งคว้าตัวมาอย่าง เบน โด็ก  น่าจะได้โอกาสลงสนามในการเดินทางไปอุ่นเครื่องกับทีม

 

4. พัฒนาการของ โจนส์ และ เอลเลียตต์

 

เมื่อฤดูกาล 2021/2022 เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ มีบทบาทสำคัญในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของทีม อย่างไรก็ตาม นักเตะทั้งสองคนต้องพบกับความโชคร้ายเรื่องปัญหาบาดเจ็บ

     โจนส์ ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาจนทำให้เขาพลาดลงสนามถึง 12 เกม ขณะที่ เอลเลียตต์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวหลักของทีมเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หนักกว่าเพราะได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหัก ส่งผลให้ต้องพักฟื้นร่างกายเกือบ 5 เดือน 

     ด้วยการที่ "หงส์แดง" ไม่ได้มีการเสริมทัพในแดนกลางช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสที่จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาศักยภาพ ฉะนั้นในช่วงปรีซีซั่นพวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ 

     แม้ว่าในทุกๆ ตำแหน่งจะมีการแข่งขันกันสูงก็ตาม แต่ โจนส์ กับ เอลเลียตต์ น่าจะมีโอกาสที่จะได้เป็นตัวจริงของ คล็อปป์ โดยเฉพาะเจ้าหนูวัย 19 ปีซึ่ง "บอส" ค่อนข้างชื่นชอบฝีเท้าอย่างมาก 


 
5. "หงส์แดง" กลับมาเดินสายทั่วรอบโลก

 

 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องอยู่ที่ดินแดนเมืองผู้ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้พวกเขามีโอกาสได้เดินทางออกจากทวีปยุโรปซะทีในช่วงซัมเมอร์นี้

     นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีของการออกทั่วปรีซีซั่น โดยจุดหมายปลายทางแรกของพวกเขาก็คือการไปทัวร์ตะวันออกไกลครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ที่ประเทศไทย และสิงคโปร์ 

     สำหรับบรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ทั่วโลก คงรู้สึกดีใจเนื้อเต้นที่จะได้ต้อนรับทีมรักแบบตัวเป็นๆ และพร้อมที่จะควักกระเป๋าจ่ายค่าตั๋วอย่างเต็มที่เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศที่น่าประทับใจแบบนี้

     แม้ว่านี่จะเป็นการเดินทางในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็สามารถสร้างความทรงจำมากมายให้กับแฟนบอลของพวกเขาได้เลยทีเดียว !