หงส์นับสองถึงสี่,สิงห์น้ำตาตกซ้ำสอง - 5 ข้อลิเวอร์พูลย้ำรอยแผลเชลซีซิวเอฟเอคัพ

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 15 พ.ค. 2565 13:53:41 น. เข้าชม 282 ครั้ง

จบลงเหมือนเดิมแต่ไม่ได้มาราธอนเหมือนเดิมสำหรับการดวลกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ทีมคู่ชิงจากถ้วย คาราบาวคัพ ซึ่งต้องตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษอีกจนได้ในการฟาดแข้งที่ เวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พ.ค.

    และปรากฏว่า หงส์แดง เป็นฝ่ายย้ำแค้น สิงห์บลูส์ ได้อีกหน แต่ไม่ต้องดวลความแม่นเป้ากันจนถึงขนาดนายทวารของทั้งสองฝ่ายต้องร่วมทำหน้าที่ด้วยซึ่งทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้แชมป์เป็นรายการที่สองของซีซั่นนี้เรียบร้อยโรงเรียน แอนฟิลด์วิทยาคม แล้ว และยังอยู่บนเส้นทางของการคว้าสี่แชมป์ได้ต่อไป

1. 16 ปีที่รอคอย

 

อได้ว่า ลิเวอร์พูล รอการคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ นานพอดูเหมือนกันเนื่องจากพวกเขาไม่ได้แชมป์รายการนี้มานาน 16 ปีแล้วนับตั้งแต่ซีซั่น 2005/06 ซึ่ง เร้ด แมชีน เสมอกับ เวสต์แฮม 3-3 และชนะการดวลลูกโทษเช่นกันด้วยสกอร์ 3-1 และในที่สุด การรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างความยิ่งใหญ่พาทีมซิวแชมป์ เอฟเอคัพ สมัยที่แปดมาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ถ้วยน็อคเอาท์หนแรกของเขาเช่นกันนับตั้งแต่เข้ามารับงานกับถิ่น แอนฟิลด์

    เท่ากับว่าถึงขณะนี้กุนซือชาวเยอรมันประสบความสำเร็จได้แชมป์กับ ลิเวอร์พูล เป็นรายการที่หกแล้วหลังเดินหน้าล่าโทรฟี่มาแทบครบแล้วทั้ง พรีเมียร์ลีก , คาราบาวคัพ , แชมเปี้ยนส์ลีก , ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก


 

อย่างไรก็ดี เป็นที่มั่นใจกันในหมู่ เดอะ ค็อป ว่า เครื่องจักรสีแดง จะได้แชมป์ในอีกสองรายการที่เหลือของซีซั่นนี้ทั้ง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นทีมแรกจากอังกฤษที่ได้แชมป์สี่รายการในซีซั่นเดียวกัน

    ขณะเดียวกัน การดวลกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการของประเทศอุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 โดยคราวนั้น อาร์เซน่อล กับ เชฟฯ เว้นส์เดย์ ก็นัดกันชิงดำถ้วย ลีกคัพ และ เอฟเอคัพ ด้วยกันทั้งคู่

    ยิ่งไปกว่านั้น เป็นทีม ปืนใหญ่ ที่สมหวังเหมาคว้าแชมป์ทั้งสองรายการไปครองได้เช่นกันโดยในนัดชิงถ้วย ลีกคัพ พวกเขาสยบทีม นกเค้าแมว 2-1 และชนะด้วยสกอร์เดียวกันอีกในนัดรีเพลย์ชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ หลังจากเกมแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 จนต้องมีการเตะนัดรีเพลย์

2. หงส์ มีลุ้นได้ ซาลาห์ สางแค้น มาดริด?

 

 หลังอยู่ใน เวมบลีย์ ได้แค่ 33 นาที โม ซาลาห์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บ และสุดท้ายเล่นต่อไม่ได้ ต้องเดินออกไปให้ ดีโอโก้ โชต้า ลงเล่นแทน

    แม้นัดก่อนที่ หงส์แดง บุกไปคว่ำ แอสตัน วิลล่า 2-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก กองหน้าทีมชาติอียิปต์จะได้พัก และถูกส่งลงสนามแทน หลุยส์ ดิอาซ ในนาทีที่ 72 แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวโดนโรคเดี้ยงเล่นงานจนได้

    ต่อนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ กับ เชลซี แม้ ลิเวอร์พูล จะเสีย ฟาบินโญ่ ไปเนื่องจากบาดเจ็บในเกมดวลกับ สิงห์ผงาด และมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงเล่นแทนในนาทีที่ 30 แต่คาดกันว่ากองกลางทีมชาติบราซิลจะฟิตทันปะทะกับ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 28 พ.ค.


 

กระนั้นก็ดี ในรายของ บังโม ต้องรอดูกันซะแล้วว่าเขาจะสมหวังได้สางบัญชีแค้นกับ ราชันชุดขาว หรือเปล่าเนื่องจากบาดเจ็บในเกมชิงดำถ้วยน็อคเอาท์โดยหลังจบเกมบู๊กับ เชลซี ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เหลือโปรแกรมให้ลงเล่นในซีซั่นนี้อีกสามนัดดังนี้

    17 พ.ค.เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน) พรีเมียร์ลีก

    22 พ.ค.วูล์ฟส์ (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

    28 พ.ค.เรอัล มาดริด ชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก (ปารีส)

    กระทั่งล่าสุด มีการยืนยันว่า ซาลาห์ ไม่ได้เจ็บหนัก แถมหลังจบเกมที่ เวมบลีย์ เจ้าตัวลากกระเป๋าเดินเหินได้เองด้วยพร้อมเผยกับสื่อเสร็จสรรพว่าจะลงบู๊กับ ราชันชุดขาว ได้แน่

3. แฮททริคของ เชลซี

 

 แฮททริคในที่นี้ไม่ได้เป็นความหมายในทางที่ดี แต่เป็นเพราะว่า เชลซี อกหักในนัดชิงถ้วยน็อคเอาท์สามปีติดต่อกันแล้วซึ่งกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่โชคร้ายมหันต์ถึงเพียงนี้

    ไล่จากนัดชิงซีซั่น 2019/20 พวกเขาแพ้ อาร์เซน่อล 2-1 และซีซั่นต่อมาก็พลาดท่าให้ เลสเตอร์ อีก 1-0 ก่อนจะมาโดน ลิเวอร์พูล ย้ำแค้นเข้าให้เพิ่มเติมจากนัดชิงถ้วย คาราบาวคัพ เมื่อเดือนก.พ.

    แต่หากไม่นับสามปีติดต่อกัน นิวคาสเซิ่ล ก็เคยชีช้ำมาก่อนจากการเข้าชิงสามหนหลัง และได้รองแชมป์ทั้งสามหนในซีซั่น 1974/74 (แพ้ ลิเวอร์พูล 3-0), 1997/98 (แพ้ อาร์เซน่อล 2-0) และ 1998/99 (แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0)

4. เมสัน เมาท์ ต้องคำสาป

 

  ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า เมสัน เมาท์ อาภัพดวงสุดขีดถึงขนาดแพ้นัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ เป็นรายการที่หกติดต่อกันแล้ว

    และที่สำคัญ สตาร์วัย 23 ปีเป็นคนสังหารลูกโทษพลาดโดน อลิสซง เซฟได้ซะด้วยอันเป็นการเปิดโอกาสให้ คอสตาส ซิมิคาส ตะบันประตูสำคัญพา เร้ด แมชีน คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ไปเชยชมด้วยสกอร์ 6-5 ทั้งๆที่ดาวเตะทีมชาติกรีซไม่เคยสอยตาข่ายให้ หงส์แดง มาก่อนเลยแม้แต่ประตูเดียว

    แรกทีเดียว เด็กปั้นของ สิงห์บลูส์ รายนี้ ประสบกับความผิดหวังที่ เวมบลีย์ ในเกม เพลย์ออฟ แชมเปี้ยนชิพ นัดพ่ายให้กับ แอสตัน วิลล่า สมัยถูก ดาร์บี้ ยืมไปใช้งาน


 

  จากนั้น เมาท์ ก็ไม่มีดวงอย่างต่อเนื่องในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ สองหนก่อนที่ เชลซี พ่ายต่อ อาร์เซน่อล และ เลสเตอร์

    ส่วนหนที่สี่เป็นการลงเล่นให้อังกฤษในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2000 ที่แพ้ให้กับอิตาลี และยังมีครั้งที่ห้าในเกมชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ เมื่อเดือนก.พ.ที่ฟัดกับ ลิเวอร์พูล จนต้องดวลลูกโทษกันแบบมาราธอน

กระทั่งล่าสุด สวรรค์ยังไม่ปราณีต่อ เมาท์ แถมบันดาลให้เขายิงลูกโทษพลาดอีกด้วยในเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ กับ หงส์แดง คู่ปรับเก่า

5. รีซ เจมส์ อดสร้างประวัติศาสตร์

 

เป็นอันว่าประวัติศาสตร์ไม่เกิดขึ้นซะแล้วหลังจาก เจมส์ แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษพลาดการได้ชูถ้วยแชมป์ เอฟเอคัพ กับ เชลซี เนื่องจากถูก ลิเวอร์พูล อริสำคัญยัดเยียดความปราชัยให้อีกหนจนได้

    หาไม่แล้ว หาก สิงห์บลูส์ มีชัยเหนือ หงส์แดง  พ่อค้าแข้งวัย 22 ปีก็จะได้ลุ้นต่อในวันอาทิตย์นี้ทันทีเนื่องจาก เชลซี ทีมหญิงจะลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ที่ เวมบลีย์ เช่นกันบู๊กับ แมนฯ ซิตี้ โดย ลอเรน เจมส์ กองหน้าน้องสาววัย 20 ปีของ รีซ น่าจะถูกส่งตัวลงสนามด้วย

    มีการยืนยันว่าหาก รีซ กับ ลอเรน ได้แชมป์ เอฟเอคัพ ทั้งคู่ ทั้งสองก็จะกลายเป็นคู่นักเตะพี่น้องชายหญิงคู่แรกที่ได้แชมป์ถ้วยน็อคเอาท์ แต่ให้น่าเสียดายที่เคสนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ซะแล้ว

    ถึงอย่างนั้นก็ต้องรอดูกันว่า ลอเรน จะนำโทรฟี่มามอบให้กับทีมหญิงของ สิงห์บลูส์ เพิ่มได้อีกใบหรือเปล่าเนื่องจากทีมดังแห่งกรุงลอนดอนคว้าแชมป์ลีกหญิงของประเทศไปเชยชมได้ก่อนแล้วหนึ่งรายการเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา