แมนซิตี้,เปแอสเชคืออดีต!จัดอันดับท๊อปเทนเจ้าของทีมฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 8 ต.ค. 2564 13:57:00 น. เข้าชม 180 ครั้ง

 อย่างที่ทราบกันไปว่าในที่สุด นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็ถูกถ่ายโอนจากมือของ ไมค์ แอชลีย์ ไปตกอยู่กับกลุ่มทุนจาก ซาอุดิ อาระเบีย เรียบร้อยโรงเรียนทูน อาร์มี่ แล้ว

     ด้วยเม็ดเงินของการเทคโอเวอร์ 300 ล้านปอนด์ ไม่เพียงทำให้เชื่อกันว่า สาลิกาดง จะลืมตาอ้าปากกลายมาเป็นเสือร้ายตัวใหม่แห่ง พรีเมียร์ลีก ในอนาคตกันใกล้เท่านั้น แต่พวกเขายังทำให้สองอภิมหาเศรษฐีของโลกลูกหนังอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปด้วยเช่นกัน

     นั่นเป็นเพราะว่าราชวงศ์จาก ซาอุดิ อาระเบีย ถูกตีแผ่ว่ามีความมั่งคั่งมากกว่าเจ้าของสโมสร เรือใบสีฟ้า และ เปแอสเช หลายเท่าถึงขนาดสองเจ้าสัวนำทรัพย์สินมากองรวมกันก็ยังด้อยกว่าเจ้าของใหม่ทีม เดอะ แม็กพายส์ ชนิดเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว

  

ซาอุดิ อาระเบีย พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์

 


 1.ซาอุดิ อาระเบีย พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ - นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (320,000 ล้านปอนด์)

  กลุ่มทุนที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของราชวงศ์ ซาอุดิ อาระเบีย เพียรพยายามที่จะเทคโอเวอร์ สาลิกาดง มานานแล้ว และในที่สุดก็สมปรารถนาจึงเชื่อได้เลยว่าโลกลูกหนังกำลังจะมีเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ผงาดขึ้นมาร่วมสร้างสีสันในตลาดนักเตะ

 2. กาตาร์ อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี้ - เปแอสเช (220,000 ล้านปอนด์)

     นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ อดีตนักเทนนิสนับเป็นสหายคนสนิทของ ชีค ทามิน เชื้อพระวงศ์แห่ง กาตาร์ ซึ่งทรงเป็นประธานกลุ่มทุนดังกล่าว และซื้อกิจการของ เปแอสเช มาครอบครองในปี 2011 โดยที่ อัล เคไลฟี่ นั่งเก้าอี้ควบทั้งประธาน และซีอีโอ

 3. ชีค มานซูร์ - แมนฯ ซิตี้ (21 พันล้านปอนด์)

     ชีค มานซูร์ ซื้อ เรือใบสีฟ้า ไปเป็นกรรมสิทธิ์ในปี 2008 และผลักดันให้ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์กระโดดขึ้นเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดทีมหนึ่งของโลก พร้อมกันนี้พระองค์ยังดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีของ สหรัฐอาหรับเอมิรเตส์ อีกด้วย ขณะที่ คาลดูน อัล มูบารัค ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของ อาดู อาบี รับผิดชอบการบริหารสโมสรในทุกๆด้าน

  

นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่

 

 4. ดีทริช มาเตชิตซ์ - แอร์เบ ไลป์ซิก และ แอร์เบ ซัลซ์บวร์ก (15.7 พันล้านปอนด์)

     ผู้ก่อตั้งเครื่องดื่ม เร้ดบูลล์ สร้างชื่อด้วยการเทเงินอัดฉีดวงการกีฬา และมีทีมรถแข่งสูตรหนึ่งตั้งแต่ปี 2005 จากนั้นในปีเดียวกันก็ซื้อทีมฟุตบอลที่เรียกขานกันในขณะนั้นว่า ออสเตรีย ซัลซ์บวร์ก ก่อนก่อตั้งทีม แอร์เบ ไลป์ซิก ในปี 2009 โดยทั้งสองทีมของเขาได้ลงเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างสม่ำเสมอ

 5. อันเดรีย อันเญลลี่ - ยูเวนตุส (14 พันล้านปอนด์)

     ทายาทของอดีตประธาน อุมแบร์โต้ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้รับผิดชอบบทบาทนี้ในปี 2010 กลายเป็นสมาชิกของตระกูลคนที่สี่ที่นั่งเก้าอี้ตัวสำคัญหลังจากตระกูลของเขามั่งคั่งมาจากการก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ เฟี๊ยต เมื่อปี 1899 อีกทั้งยังเป็นเจ้าของรถสปอร์ต แฟร์รารี่ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม เอ็กซอร์ เช่นกันอีกด้วย


 

โรมัน อบราโมวิช

 

 6. โรมัน อบราโมวิช - เชลซี (10.5 พันล้านปอนด์)

     เข้ามาเทคโอเวอร์ สิงห์บลูส์ ในปี 2003 พร้อมทั้งพาทีมลูกหนังของกรุงลอนดอนคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในเวลาเพียงสองปี มีธุรกิจปิโตรเคมี และค้าน้ำมัน อีกทั้งถือครองหุ้นของ ซิบเนฟท์ หนึ่งในบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในปี 1995

 7. ฟิลิป อันชูตซ์ - แอลเอ แกแลคซี่ (8.1 พันล้าน)

     หันมาจับธุรกิจกีฬาหลังเคยทำธุรกิจด้านขุดเจาะน้ำมันกับครอบครัว มีส่วนร่วมก่อตั้ง เมเจอร์ลีกซ็อคเกอร์ และเป็นเจ้าของร่วมของหลายสโมสรทั้ง แอลเอ แกแลคซี่ , ชิคาโก้ ไฟร์ , โคโลราโด้ ราปิดส์ , ฮูสตัน ไดนาโม , ซานโฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ และ ดีซี ยูไนเต็ด

  

ชีค มานซูร์


  
 8. สแตน โครนเก้ - อาร์เซน่อล (6.8 พันล้านปอนด์)

     เริ่มต้นจากการซื้อหุ้นของ เดอะ กันเนอร์ส ในปี 2008 ก่อนเพิ่มสัดส่วนในปี 2011 นอกจากนี้เศรษฐีชาวแยงกี้ยังเป็นเจ้าของทีมกีฬาอีกมากมายทั้ง แอลเอ แรมส์ , เดนเวอร์ นักเก็ตส์ และ โคโลราโด้ ราปิดส์ ตลอดจนจับงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า และ อพาร์ทเมนต์

 9.จาง จินตง - อินเตอร์ มิลาน (6.2 พันล้านบาท)

     แม้ระยะที่ผ่านมา งูใหญ่ จะประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน แต่ จาง ในวัย 58 ปียังถือเป็นหนึ่งในเจ้าของสโมสรฟุตบอลผู้มั่งคั่งจากการก่อตั้งกลุ่มทุน ซูหนิง เข้าซื้อหุ้นก้อนโตของทีมดังแห่ง เซเรียอา เมื่อปี 2016

 10.กั๋ว กวางชาง - วูล์ฟส์ (5.2 พันล้านปอนด์)

     ซื้อทีม หมาป่า ไปบริหารในปี 2016 และพาทีมปีนขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ เป็นประธานกลุ่มทุน โฟซุนกรุ๊ป ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก

 

จาง จินตง