เลี่ยงไม่ได้!แลมพาร์ดเปิดใจวันโดนเชลซีปลด

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ระบุ วันที่ตนโดน เชลซี ไล่ออกนั้น บรูซ บั๊ค ผู้บริหารระดับสูงส่งข้อความมาหาตนตั้งแต่ตอนเช้า และตนรู้ดีตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าชะตาขาดแล้ว พร้อมบอกว่าทางเดียวที่ เชลซี จะไม่ทำการปลดกุนซืออาจจะต้องถึงขั้นเป็นการพาทีมได้แชมป์ติดๆ กัน

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตมิดฟิลด์คนดัง เปิดเผยว่าตนรู้ดีว่าจะโดนปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม เชลซี ในตอนที่ได้รับข้อความจาก บรูซ บั๊ค ประธานของทีม

    แลมพาร์ด เข้าไปกุมบังเหียน เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2019 ซึ่งในซีซั่นแรกเขาพาทีมทำผลงานได้น่าประทับใจแม้ว่าจะไม่ได้ทำการเสริมทัพเลยก็ตามจากการที่ตอนนั้นทีมติดโทษห้ามลงทะเบียนแข้งหน้าใหม่ แต่พอถึงฤดูกาล 2020-21 ทีมในยุคของเขามีฟอร์มโดยรวมที่น่าผิดหวังแม้ว่า แลมพาร์ด จะได้แข้งหน้าใหม่มาร่วมทัพเยอะพอตัวก็ตาม จนสุดท้ายเขาก็โดนไล่ออกแลมพาร์ด กล่าวตอนไปออกรายการของ แกรี่ เนวิลล์ อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษว่า "ตอนนั้นเราชนะ ลูตัน ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 หรืออะไรนี่แหละ แล้วเช้าวันต่อมาผมได้รับข้อความจาก บรูซ บั๊ค ประธานของสโมสรที่บอกว่า -นายเลิกซ้อมแล้วมาเจอที่ห้องบอร์ดบริหารกันหน่อยได้ไหม ?- นั่นเป็นข้อความแรกที่ผมได้รับด้วย มันทำให้รู้สึกสะดุ้งและคิดว่า -ไหนลองดูหน่อยสิว่า อินสตาแกรม โพสต์อะไรกันบ้าง - ล้อเล่นน่ะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สโมสรทำการตัดสินใจปลดกุนซือแล้วมันก็ไม่มีวิธีแจ้งแบบไหนที่ถือเป็นวิธีที่ดีหรอก"

     "อย่างที่บอกไป เขาพิมพ์มาว่า -นายช่วยมาเจอเราที่ห้องบอร์ดบริหารที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ไหม ?- และมันก็ทำให้ผมรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างที่ฉันบอกไปว่ามันไม่มีวิธีแจ้งข่าวแบบไหนที่เป็นวิธีที่ดีอยู่แล้ว แน่นอนว่ามันอาจจะมีวิธีต่างไปจากนั้นที่ถือว่ามีมารยาทสักหน่อย แต่ยังไงซะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันก็เหมือนๆ กันอยู่ดี"

    "ตอนที่ฉันไปเจอ บรูซ และ มาริน่า (กรานอฟสกาย่า)  มันเป็นการคุยกันแบบเป็นกันเองมากๆ ผมเองรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอยู่แล้ว มันเลี่ยงไม่ได้ พวกเขากำลังจะเดินหน้าไปยังอีกทางหนึ่ง และนายไม่สามารถทำอะไรได้ ผมไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นมาก่อนดังนั้นในตอนนั้นมันเลยรู้สึกแปลกนิดๆ แต่นายก็รู้ดีตั้งแต่ตอนที่เข้ามารับงานแล้วว่ามันอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้" "ที่ เชลซี น่ะ นายอาจจะโดนไล่ออกได้อยู่เสมอนอกจากว่านายจะพาทีมได้แชมป์ติดๆ กัน ซึ่งนั่นไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว"